New experience with Cisco NetRiders

Real deploy: 09 Sep 2017

What is NetRiders?

NetRiders คือ การแข่งขันด้าน IT และ Networking ที่จัดขึ้นโดย Cisco System โดยจะมีนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยทั้งโลกมาสอบออนไลน์ในเว็บไซต์ Academy NetRiders ตามเวลาที่กำหนดไว้แต่ละภูมิภาค โดยจะแบ่งการแข่งขันเป็นสามระดับคือ

  1. CCNA
  2. CCENT
  3. IT Essential (ITE)

และได้แบ่งภูมิภาคต่างๆไว้ด้วย คือ Africa, Asia Pacific and Japan (Thailand อยู่ในนี้), Europe and Russia, Greater China and Mongolia, USA and Canada, Middle East และ Latin America and Caribbian

NetRiders จะแข่ง 2 รอบ(ยกเว้น CCNA 3 รอบ) แต่ก่อนจะได้แข่งขัน ต้องเรียนจบคอร์สออนไลน์ตามที่ Cisco ได้กำหนดก่อน ส่วนการแข่งขันจะเป็น

  • Round 1 (20/07/2017): รอบคัดเลือกตัวแทนประเทศ Log in จากที่ไหนก็ได้ในเวลาที่กำหนด เป็นข้อสอบปรนัยรูปแบบ Virtual Exam ตามรายการแข่งขันที่ลงไว้ ผู้ที่จะผ่านการคัดเลือกเข้ารอบที่ 2 ต้องมีคะแนนอย่างน้อย 60% และ Top5–10 จากผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดในแต่ละสถาบัน
  • Round 2 (06/09/2017): รอบภูมิภาค เอาคนที่ผ่านรอบแรกทั้งหมดมาแข่งพร้อมกันทุกประเทศในทวีปนั้นๆ Top3ของแต่ละรายการจะได้ Voucher Certification และเงินรางวัลจาก Cisco (ยกเว้น CCNA ไปรอบที่ 3)

PS. อันนี้เล่าเป็นประสบการณ์เฉยๆนะ เพราะทาง Cisco ยกเลิกจัดงานแข่ง NetRiders ตั้งแต่ปี 2018 แล้ว พี่เป้คะ รี่เจ่บนม ;^;


เกริ่นมาเยอะละ ขอเล่าบ้าง

Thailand NetRiders Competirion 2017

จุดประสงค์ที่เราตั้งบล็อคนี้ขึ้นมาคือ อยากเล่าประสบการณ์การแข่งขันรายการของ Cisco (ซึ่งอนาคตก็อยากสอบใบ Cert) เผื่อเป็นแนวทางสำหรับใครที่อยากลองหาสนามแข่งเพื่อเพิ่มสกิลและประสบการณ์

อ้อลืมบอก เนื่องจากว่าเราลงแข่ง ITE จะขอเล่าเฉพาะ ITE ละกันเนอะ

ช่วงรับสมัคร 10เมษา-13กรกฎา: สมัครโดยผ่านอาจารย์ที่รับผิดชอบ แล้วอาจารย์จะแอดเราเข้าคอร์สออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับรายการที่เราจะแข่ง ส่วนเราก็มีหน้าที่กดลงชื่อเข้าแข่งขัน (เลือก Asia Pacific and Japan) ทีนี้เป็นอันเรียบร้อย


Round 1

70 ชั่วโมงมาราธอนกับการเรียนแบบเผาขน

เนื่องจากเราสมัครประมาณกลางเดือนมิถุนา กว่าจะสอบรอบแรกก็กลางเดือนกรกฎา ดูเผินๆว่าโอ๊ย เดือนนึง เวลาเหลือเฟือ ยังไงก็เตรียมตัวทัน

ใช่ค่ะ เราก็เคยคิดแบบนั้น

แต่ด้วยความที่ว่าช่วงปิดเทอมนั้น เป็นปิดเทอมที่เราไม่ค่อยจะมีเวลาว่างซักเท่าไหร่ เพราะต้องเตรียมตัวทำค่าย(ซึ่งพอค่ายจบปุ๊บ วันรุ่งขึ้นแข่งต่อเลย อมก.) เลยตามมาด้วยการเรียนจบแบบเผาขนสุดไรสุด ฉิวเฉียดด้วยเรียนจบในวัน ก่อนแข่ง 1 วัน พอดี

หยุดนอกเรื่องเดี๋ยวนี้ หยุดทันที กลับมาที่เรื่องคอร์สออนไลน์ต่อ

หน้าตาของคอร์สจะประมาณนี้ มีหลายบท การันตีความเนื้อหาแน่น

คอร์สออนไลน์ของ Cisco จะออกแนวเป็นเนื้อหาพร้อมรูปภาพประกอบมาให้เราอ่าน มี Interactive Activity วิดีโอ แล็บมาให้ทำเสริมความเข้าใจ

มีฟังก์ชั่นเยอะแยะเลย อิอิ

นอกจากจะมีคอร์สออนไลน์แล้ว ยังมี Quiz Assignment Exam ให้ไปลองทำกันด้วย ที่สำคัญ มันคิดเกรดได้ด้วยแหละ และก็มีพวก Resources ที่เราสามารถเข้าไปโหลดไฟล์แล็บ .pdf แล้วก็โปรแกรม Packet Tracer ที่เราต้องใช้ในการเรียนด้วย

แล้วก็ถึงวันชี้ชะตา

หลังจากที่ทั้งเรียนออนไลน์และทำค่ายเสร็จไปอย่างเฉียดฉิว ก็ถึงเวลาลงสนาม แข่งรอบแรกวันที่ 20 กรกฎา ตื่นมาเปิดคอมแล้วก็ Log in ก่อนจะกดเข้าไปสอบ นี่ถึงกับนึกถึงพ่อแก้วแม่แก้ว พร้อมกับความรู้ที่เก็บมาด้วยสปีดไวแสง

พอกดเข้าไป ปั้ง! พบกับ ข้อสอบ Virtual Exam ปรนัย 60 ข้อ ในเวลา 60 นาที เนื้อหาที่ออกสอบก็ตามในที่เรียนนั่นแหละ (ลืมบอกทั้งคอร์สเรียนกับข้อสอบเป็นภาษาอังกฤษหมด) สำหรับ ITE มีความรู้แบบจำบ้าง แล้วก็ประยุกต์เล็กน้อย ออกแนวแก้ปัญหาซะมากกว่า เสร็จในครึ่งชม.

ความจริงคือ ใจนึงก็ลงแบบลองสนามเฉยๆ ไม่หวังอะไรมาก แต่ลึกๆก็อยากเข้ารอบไปแข่งไฟนอล ให้แบบ เห้ย! อย่างน้อยกรูก็มีฝีมือมั่งแหละวะ

จนกระทั่งถึงวันประกาศผล

นั่งๆเรียนอยู่แบบชิลๆ โทรศัพท์แจ้งเตือนอีเมลเข้า เปิดดู ส่งมาจาก NetRiders APAC

อ่านจบถึงกับกรีดร้องในใจอย่างบ้าคลั่ง กรี๊ดดังไม่ได้ เรียนอยู่555555 บอกเลย แค่เมลแจ้งผลกับรายละเอียดการแข่งรอบสอง Made my day เลยทีเดียว

และเรื่องตลกหลังจากรู้ผลคือ

รายการ ITE จากไทยติด 5 คน(เราและเพื่อนร่วมเซคเราอีก4คน) จริงๆแล้ว มอเราส่งไปที่เดียวจากทั้งประเทศ(5คน)(CE KMITL) และบังเอิญคะแนนเกินทุกคนก็เลยติดกันมายกขโยง รวมกับพี่ปี3 CCENT 3คน ปี4 CCNA 2 คน

รวมแล้ว Survivor of KMITL ทั้งหมด 10 คนถ้วน

ก่อนถึงวันแข่งก็ไม่มีอะไรมาก มีอีเมลจาก Cisco มาแจ้งรายละเอียดการแข่งขัน สถานที่แข่ง รวมถึงขอข้อมูลเราเช่น เบอร์โทร เสื้อ เป็นต้น (ได้เสื้อฟรีด้วยนะเออ)


Round 2

เกาะติดสถานการณ์ #NetRiders2017Final

บอกเลยว่าการจะเดินทางจากลาดกระบังไปถึงสยามโดยรถตู้นั้น แน่นอน ทุกคนน่าจะรู้กิตติศัพท์ของถนนแถวนั้นว่าติดนรกขนาดไหน ว่าออก 7 โมง ไปถึงออฟฟิศ 9 โมง (Oh my…)

สถานที่จัดแข่งขันรอบ2 จัดที่ Cisco Thailand Office ชั้น 28 ตึก The Offices at Central World อยู่ข้างๆเซนเวิลด์พอดี ตอนนั่งรถผ่านแบบไม่แข่งแล้วได้มั้ย อยากไปเดินห้าง5555555

วิวเซนเวิลด์จากชั้น 28

พอเข้าไปในอาคาร แลกบัตรขึ้นอาคารอะไรเรียบร้อย ทีนี้จากชั้น3ไปชั้น28 แน่นอนว่าต้องขึ้นลิฟท์ นี่แหละค่ะ…ความมหัศจรรย์ได้บังเกิดขึ้น

ขึ้นลิฟท์ไป ให้จอดชั้น 28 เข้าไปยืนอัดๆกันในลิฟต์ จนกระทั่งลิฟต์ปิด… มองดูที่บอกเลขชั้น…

ชั้น 3…

3 วิต่อมา…

พรึ่บ!

ชั้น 28!!!!!!

อยากจะร้องโอ้วมายก้อดเป็นสำเนียงคิมซามูเอล ลิฟท์วาร์ปได้เจ้าค่ะ สามารถขึ้นจากชั้น3ไปถึงชั้น28ได้ในไม่กี่วินาที ส่วนสภาพหลังจากเดินออกจากลิฟท์คงไม่ต้องเดา หูอื้อกันเป็นแถบ

พอหันไปด้านซ้าย เรามาถึงออฟฟิศของ Cisco แล้ว

หน้าตาของออฟฟิศก็จะประมาณนี้
There is never been a “BETTER TIME” by CISCO.
ข้างหลังก็จะเป็น agoda
มี Lounge ให้กินอาหาร เครื่องดื่ม ขนมฟรีๆ ด้วย
บูธสมัครงานจาก AIT มารอรับหน้างานเลย
เดินไปอีกหน่อยก็เจอของ NEC
แจกเสื้องานฟรีๆด้วย

พอมาถึงก็ต้องไปลงทะเบียน รับป้ายชื่อเข้างานพร้อมที่นั่งและรหัสเข้า Wi-Fi ไว้ใช้ตอนแข่ง แจกเสื้อ(ที่ใหญ่เกินไซส์ไปเบอร์นึง) มีเวลาเตรียมตัวแป๊บนึงก่อนเข้าห้องสอบตอน 9.30

อ้อ โซนล็อบบี้มีขนมกับน้ำแจกฟรี มีตู้กดกาแฟอัตโนมัติด้วย ไม่ต้องชงให้เสียเวลา อยากกินอะไรกดที่เครื่องดื่มนั้นเลย มันก็จะชงผสมผงเครื่องดื่มฉีดออกมาใส่แก้วพร้อมซดทันที

ตู้ชงกาแฟอัตโนมัติจาก Nescafe เจ๋งใช่มั้ยล่า

คำเตือน : หลังจากกดตู้เสร็จแล้ว อย่ากระดกทันที เพราะมันจะลวกลิ้นท่านได้ (ตอนนี้ยังชาไม่หายเลยจ้า)

กลับมาที่เรื่องสอบต่อ พอ 9.30 ปุ๊บ ก็มีพี่สต๊าฟมาเรียกเข้าห้องสอบ เข้าไปนั่งตามที่นั่งอะไรเรียบร้อย แต่กว่าจะสอบจริงๆเข้าไปนู่นนนนน 10 โมง ไม่ใช่อะไร…เลท…

แต่ยังไงการมาเลทก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการสอบ เพราะมันตัดเวลาที่ระบบ ณ ตอน Log in อยู่แล้ว

ข้อสอบ ITE รอบไฟนอล จะเป็น Virtual Exam ปรนัยเหมือนรอบแรก ชั่วโมงนึงเท่าเดิม แต่เพิ่มจาก 60 เป็น 75 ข้อ และจะมีเพิ่มเติมมาในส่วนปฏิบัติคือ ใช้โปรแกรม Cisco Packet Tracer ในการแก้โจทย์แล้วเอาไปตอบคำถามในหน้าเว็บ ซึ่งตรงนี้เราว่าเวลาน้อยไปนิดนึง เพราะให้มาแค่ครึ่งชม. กว่าจะหาเซิร์ฟเจอจากการล็อคล่อไปแล้ว 20 นาที หลังจากนั้น 10 minutes miracle ไล่ config ทุกอย่างใน 10 นาที ก่อนจะเสร็จฉิวเฉียดใน 2 นาทีสุดท้าย ออกจากห้องในสภาพหอบรับประทานเลยทีเดียว

พอสอบเสร็จก็ได้เวลาอาหารกลางวัน ซึ่งบอกเลยว่า ข้าวผัดปูเป็นอะไรที่ประเสริฐมาก เนื้อปูเน้นๆเต็มคำแถมมีหลายชิ้น ไม่ได้มาเป็นวิญญาณปู(ไม่ใช่ยิ่งลักษณ์)เหมือนขายตามสั่ง

มื้อกลางวันผ่านไป ช่วงบ่ายจะเป็น Session จากบุคลากรใน Cisco และ Partner อย่าง AIT เข้ามาบรรยาย หลังจากนั้นจะเป็นช่วง Career Fair คือให้ Walk-in ไปดูตามบูธต่างๆในออฟฟิศ


Part 1: สรุปสัมมนา 2 Session by บุคลากรจาก Cisco and Co-Partner

Part 1.1: Introduction to AIT และ วิถีการเอาตัวรอดในโลกแห่งการทำงาน by คุณจุ๊บ อภิชัย (VPP of AIT)

  • จุดมุ่งหมายของใครหลายๆคนของมนุษย์เงินเดือนจริงๆคือ การอยู่ดีกินดี มีชีวิตที่มีความสุข (หลายคนลืมเพราะ คิดว่าอยากรวย โหมทำงานหนักหาเงินเยอะๆ)
  • สิ่งที่ทำให้เราแตกต่างและสามารถก้าวขึ้นมาโดดเด่นได้(น้อยคนจะมี)
    • ต้องกล้าถาม/กล้าแสดงออก: ต้องกล้าที่จะนำเสนอตัวเอง มีความสามารถอะไรขายออกไปเลย จะสัมภาษณ์งานผ่านไม่ผ่านวัดกันที่ 5 นาทีแรกของการสัมภาษณ์นี่แหละ
    • ภาษาอังกฤษ: เรียกได้ว่าเป็น Key of Success เลยทีเดียว ก็อย่างที่รู้ว่าเข้าสู่อาเซียนแล้ว โดยเฉพาะสายงานไอทีอย่างเราๆ ที่ต้องแข่งกับคนทั้งโลก ต้องเกี่ยวข้องกับภาษาอังกฤษเกือบ 100% เพราะฉะนั้นถ้ายังไม่แข็ง โอกาสจะโดนเหยียบเป็นฐานพีระมิดความก้าวหน้าทางการงานมีสูงมาก
    • เมื่อมี 2 ทักษะก่อนหน้าแล้ว การฝึกฝนก็สำคัญ ต้องหมั่นพัฒนาตัวเองเพื่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา หมั่นเปิด Google เพื่อฝึกหาความรู้เข้าความรู้ตัวเองทุกวัน
  • การฝึกภาษาอังกฤษ ก็เหมือนกับ 10,000 hours rule คิดว่าเหมือนวิ่งมาราธอน 10,000 km ต้องอาศัยการฝึกฝนไปเรื่อยๆเพื่อไม่ให้ขาดตอน
  • นอกจากฝึกทักษะการนำเสนอตัวเอง ปฏิกิริยาการโต้ตอบก็สำคัญ ลองเสิร์จหาในกูเกิ้ล “How to sell yourself in 60 seconds
  • หากอยากพัฒนาสกิลของตัวเอง พยายามไปคลุกคลีกับคนเก่งๆ หาทางช่วยงาน ก็ตามพวกกลุ่มใน FB, Line นั่นแหละ แล้วสกิลของพวกคุณจะพัฒนาจากคนที่คุณไปคลุกคลีนั่นแหละ
  • อย่าให้เงินเป็นตัวกำหนดการทำงาน หลายๆคนชอบเข้าใจผิดว่าเงินคือสิ่งที่สำคัญที่สุด(เห็นได้จากการ Request เงินเดือนขั้นต่ำใน Resume) จริงแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ประสบการณ์ ต่างหาก แถมยิ่งกว่านั้นอาจจะทำให้หัวหน้าประเมินคุณค่าต่ำไปอีก
  • อย่าเรียนจบเพื่อไปทำ Startup ทันที!!! เหตุผลสั้นๆเลย “เสี่ยงเจ๊ง” จากการสำรวจระดับ Global พบว่า ทำ Startup 100% จะมีที่สำเร็จจริงๆเพียง 1–2% เท่านั้น เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งใจร้อน ยอมเป็นพนักงานออฟฟิศกินเงินเดือนหาประสบการณ์ไปก่อน พอถึงเวลาและมีสกิล(และหัวธุรกิจ)ที่แก่กล้าพอแล้วก็ค่อยคิดอีกที เนอะ
  • ถามว่าแล้วมีแนวทางไหนบ้างล่ะที่จะทำ Startup ก็พอจะสรุปคร่าวๆมาเท่านี้
    • Distinguish between platform: ตามที่เคยกล่าวไปข้างบน คือต้องมีความแตกต่างพอที่จะโดดเด่นแซงคนอื่นออกมาได้ แต่ว่าต้องตอบโจทย์ User ด้วยนะ ถึงจะขายออก
    • ความต้องการของตลาด: ใช่ว่าจะอินดี้ตามใจฉันได้อย่างเดียว ต้องสังเกตตลาดด้วยว่าไปทิศทางไหน
  • มีพูดถึงตำราการใช้ชีวิตของ แจ๊ค หม่า ด้วย ที่คุณจุ๊บพูดเอาไว้ก็จะมี 2 ช่วงอายุ คือ
    • ก่อน 20–25: ช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้และค้นหาตัวเอง จงเรียนรู้ที่จะซึบซับความรู้ให้เต็มที่ และค้นหาตัวเองว่าชอบอะไรและจงทำให้ดีที่สุด
    • ก่อน 30: ช่วงเวลาแห่งการเลือกที่ทำงาน จงเลือกทำงานในบริษัทเล็กๆและเจ้านาย/หัวหน้าที่มีความรู้และสามารถสอนงานคุณได้

สุดท้ายนี้ หากใครสนใจทำงานในเครือ Cisco ก็ขอฝาก AIT ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของเหล่านักศึกษาที่กำลังหาที่ฝึกงานหรือจบใหม่กำลังหางานด้วยนะคะ (พี่จุ๊บแกฮาร์ดเซลจริงจัง)

Part 1.2: Why Certifications are Important? by คุณโก้ ชัยวัฒน์ (Network Consulting Engineer from Cisco)

  • เปิดมายกตัวอย่างน้ำปลาค่ะ (น้ำปลามันเกี่ยวอะไรฟร๊ะ!?) อ่ะลองนึกดูนะ ถ้ามีขวดน้ำปลาสามขวด ขวดที่1 เป็นขวดน้ำปลาเปล่าๆมีแต่น้ำปลาเฉยๆ ขวดที่2 เป็นขวดน้ำปลาที่มีฉลาก แต่เป็นยี่ห้อที่เราไม่คุ้นเคยเลย ขวดที่3 น้ำปลาที่มีฉลากยี่ห้อทิพรส คุณจะเลือกน้ำปลาขวดไหน?
  • แน่นอนว่า ก็ซื้อขวดที่ 3 แน่นอน เพราะอะไร ก็เพราะว่าเป็นยี่ห้อที่ขายมานานแล้วก็น่าเชื่อถือน่ะสิ
  • Certificate ก็เช่นกันค่ะ ใบเซิร์ทเปรียบเสมือนฉลากที่รับรองความสามารถของเรา นอกจากเดินเข้าไปบอก HR ว่า เห้ย! ข้าเก่งนะเห้ย! มันดูไม่น่าเชื่อถือใช่มั้ยล่ะ ถ้ามีเจ้าใบเซิร์ทมายืนยันอย่างน้อยก็การันตีได้ว่า เออ รู้จริงนี่นา แถมใช้เป็นตัวเพิ่มเงินเดือนได้ด้วย
Expected: How you see yourself VS Reality: How the boss see you
  • และก็บอกความมุ่งมั่นด้วย เพราะถ้าเก่งเฉยๆก็มีสิทธิ์สอบไม่ผ่านได้นะเออ
  • ฉันใดฉันนั้น คนที่สอบได้ใบเซิร์ทก็ไม่จำเป็นต้องเก่งระดับเทพเสมอไป และคนที่เก่งก็ไม่ได้จำเป็นต้องมีใบเซิร์ททุกคน (แต่สอบเหอะ อย่างน้อยก็เงินเดือนสูงขึ้น)
  • สำหรับประเภทของ Certification ก็ดูเพิ่มเติมได้จาก
Cisco Certification Path
ตัวอย่างใบเซิร์ทจาก Cisco ระดับ CCNA Routing and Switching

Certificate VS Responsibility: เคยได้ยินโควทของสไปเดอร์แมนมั้ย “With great power comes great responsibility” พลังที่ยิ่งใหญ่มากับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง อ่ะเหน่าะ รู้สึกเท่ ใบเซิร์ทก็เช่นกันค่ะ

ว่าแล้วก็ขึ้นโปสเตอร์สไปดี้ขึ้นมา…

With great Certification comes great responsibility

ใบเซิร์ทที่ยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง……………….. 55555555555555555555555555555555555555555555555555555

ความหมายจริงๆก็ประมาณว่า เรามีใบเซิร์ทที่การันตีความเก่งแล้ว ย่อมมากับรับความผิดชอบจากงานที่เราทำนั่นเอง

  • หากอยากทำงานสาย IT, Network ใบเซิร์ทสำคัญที่พึงมีคือ CCNA Routing and Switching เพราะทุกสายใน Network ทักษะพวกนี้จำเป็นมาก
  • You will be whatever you want, if you have both certification and experience

สุดท้ายนี้ ต่อให้มีกี่อาชีพที่ต้องการใบเซิร์ทมายืนยันความเก่ง แต่ว่ามีอาชีพหนึ่งที่ไม่ต้องการใบเซิร์ทเลย เจ้านายของคุณรู้ความสามารถของคุณ ถึงจะทำงานไม่มีเงินเดือนแต่คุณก็สุขใจที่จะทำ

อาชีพ “ลูก” ยังไงล่ะ

อาชีพที่ไม่ต้องการอะไรมาก นอกจาก ความกตัญญู ที่มีต่อพ่อกับแม่ เพราะฉะนั้น รักพ่อกับแม่ให้มากๆนะคะ 🙂 — สำหรับครอบครัวที่อบอุ่นพ่อแม่เลี้ยงมาดีนะคะถึงจะแนะนำให้ฟอลโล่ว แต่ถ้าไม่ก็ตัวใครตัวมันนะจ๊า


Part 2: Walk-in through Cisco Office

จบ Session ไปแล้วก็ถึงเวลายืดเส้นยืดสาย ได้เวลาทัวร์ซิสโก้ออฟฟิศ เฮ!!!!!!! การ walk-in จะแบ่งเป็นสามกลุ่มสลับกันไปตามบูธ มีบูธของ Co-partner อย่าง AIT เจ้าประจำของเรานั่นเอง และ NEC และการเยี่ยมชมห้อง Telepresent

บู๊ธบริษัท AIT
บู๊ธบริษัท NEC

ในพาร์ทนี้ที่จะนำเสนอหลักๆคือเครื่อง Telepresent ค่ะ เครื่องนี้เอาไว้ใช้เวลาประชุมถ่ายทอดสดเวลาใช้ห้องมากกว่าสองห้อง ความเจ๋งมันอยู่ที่ จะมีกล้องติดไว้ที่หน้าจอ และหน้าจอก็จะแสดงทั้งของฝั่งเราและอีกห้องนึง สามารถตัดสลับจอได้ และสื่อสารกันระหว่างห้องได้ด้วย!!!! เรียกได้ว่าเป็นเครื่องสารพัดประโยชน์เวลาประชุมที่แท้ทรู

โฉมหน้าเจ้าเครื่อง Telepresent
จอทั้ง 3 จอที่สามารถตัดสลับกันได้ บนจอคือภาพจากอีกห้อง
จอใหญ่คือจอจากอีกห้อง ส่วนจอเล็กก็คือห้องที่เราอยู่

จบการนำเสนอ Feature และ Facilities ของ Cisco Thailand ไว้แต่เพียงเท่านี้ พี่เจ้าหน้าที่เล่าให้ฟังว่า Cisco Singapore มีทั้งหมด 4 ชั้น แถมมีของเล่นมากมายน่าเล่น ซึ่งอาจจะเพิ่มในฝั่งไทยแลนด์เพราะมีแผนจะขยายพื้นที่ออฟฟิศ เย้!!!


จบกิจกรรมสนุกๆไปแล้วก็ถึงเวลาประกาศผล

กลับมาห้องเดิมที่คุ้นเคย

และแล้วก็ถึงเวลาประกาศผลที่ทุกคนรอคอย และสงครามการฟาดฟันรางวัลที่ 1 ที่มีมูลค่าสูงถึง 6,000 บาท

มาถึงพี่แกก็ประกาศรายการ ITE ก่อนเลย เพราะจำนวนผู้เข้าแข่งขันที่น้อยสุด แถมมอเดียว เซคเดียวกันทั้งแก๊ง พูดง่ายๆก็คือ สงครามภายในเซคดีๆนั่นเอง ทุกคนต่างมองหน้ากัน ใครจะได้วะๆ แถม ITE มีรางวัลชนะเลิศรางวัลเดียวด้วย

และหวยก็มาออกที่………..

……….คุณ XXX XX ค่า ยินดีด้วยค่า

อ้าวเชี่ย ชื่อกู!!!

ความรู้สึกหลังจากที่รู้ผลคือ ช็อค!!! แบบกูเหรอ!? เพราะไม่คิดว่าจะชนะเลย ก่อนจะมีความคิดเข้ามาในใจ ไม่ใช่ดีใจ แต่เป็น …..ชิบหายแล้ว…. ทำไมเหรอคะ…

ย้อนกลับไปประมาณ 5 ชั่วโมงก่อนหน้า

เพื่อน1: เห้ย มึงได้แน่เลย

เพื่อน2: ไม่หรอก XXXได้แน่นอน

เพื่อน3: เอางี้ดิ ใครชนะเลี้ยงหมูย่างพวกเราเลย

นี่: อย่าแค่พวกเราเลย เลี้ยงแม่งทั้งแล็บนี่แหละ

ตัดกลับมาที่ปัจจุบัน

เดินออกมารับรางวัลด้วยความรู้สึกดีใจปนกับน้อมรับความป่วงจากการพนัน แอบมีความเด๋อเกือบขโมยป้ายกลับบ้าน แหมะ อดเอาป้ายไปแปะแล็บเลย

นอกจากจะส่ง ITE จนชนะแล้ว ลาดกระบังก็ส่งปีสามไปได้ที่สอง CCENT อีกคน ได้มารวม 9,000 บาทถ้วน

ส่วนที่หนึ่งของรายการ CCNA ก็เด็กลาดกระบังค่ะ แต่เป็นคณะ IT (เซ็งเลย…)

จบการประกาศผลไปแล้ว ก็มีของที่ระลึกคือ แฟลชไดรฟ์รูปก้อนเมฆแจกก่อนกลับบ้านคนละอัน ก่อนจะเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ(และเมื่อยคอจากนั่งรถตู้กลางแยกรถติดนรก)

สารพัดของแจกต่างๆที่ได้จากงาน

จากการแข่งขันครั้งนี้เราได้รับความรู้และประสบการณ์ที่มีค่ามากๆ จนสรุปเป็นข้อคิดที่ได้จากการแข่งขันคือ

  1. ถ้ามีโอกาสก็คว้าไว้เถอะ บางทีคุณอาจจะมาไกลแบบที่คุณไม่รู้ตัวก็ได้
  2. การแข่งขันบางอย่าง นอกจากจะได้รางวัลแล้ว ก็ได้ประสบการณ์และความรู้ชนิดที่หาไม่ได้จากทั่วไป
  3. ในโลกแห่งการทำงาน ต้องเรียนรู้เองนะ ไม่มีคำว่าไม่รู้ในการทำงาน
  4. ถ้าจะแข่งกับตลาดแรงงานทั่วโลก นอกจากการพัฒนาตัวเอง ต้องหาทางนำเสนอตัวเองให้เด่นและดีพอที่จะโลดแล่นได้ไกลกว่าคนอื่น
  5. บางทีความสามารถก็ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดในการสมัครงาน ต้องมี passion ที่แสดงให้เห็นว่าเราพร้อมทำงานด้วย
  6. ใบเซิร์ทน่ะ สอบเถอะ เพื่อสวัสดิการที่ดีของตัวเองเวลาทำงาน
  7. ทุกคนมีความสามารถอยู่ในตัวค่ะ พยายามค้นหาตัวเองและหามันให้เจอ แล้วลุยให้เต็มที่ ซักวันเถอะมันจะเป็นวันของเราเอง เลิกดูถูกตัวเองเพื่อความก้าวหน้าของชีวิตนะ
  8. สำคัญที่สุด อย่าได้พนันอะไรมั่วซั่ว เพราะมันอาจจะเข้าตัวเองได้

สำหรับวันนี้ก็ต้องขอจบไว้แต่เพียงเท่านี้ ขอบคุณที่อ่านมาจนจบนะคะ สวัสดีค่าาาา

PS. ขอบคุณรูปบางส่วนจากทาง CISCO นะคะ

PS2. สนใจบริษัทไหนก็จิ้มเข้าไปได้เลยจ้า

PS3. จนนี่ออกจากแล็บ NW แล้วก็ยังไม่ได้เลี้ยงแล็บ แหะ

-mrggaebsong (a.k.a #RE_PAIR)

เผยแพร่โดย mrggaebsong

Just a through newbie gamer. EXO-L, flover, KINGMAKER.

ใส่ความเห็น

ออกแบบเว็บแบบนี้ด้วย WordPress.com
เริ่มต้น